นำ
รูปีอินเดีย (INR) ตกต่ำลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เทียบกับดอลลาร์สหรัฐ (USD) โดยมีการซื้อขายในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นและความวิตกกังวลของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความเป็นไปที่โดนัลด์ ทรัมป์ จะได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไปของสหรัฐอเมริกา ณ วันที่ 6 พฤศจิกายน 2024
ส่วนหลัก
รูปีอินเดียเผชิญแรงกดดันอย่างมากในช่วงการซื้อขายล่าสุด โดยเห็นได้จากการร่วงลงสู่ระดับใกล้เคียงกับจุดต่ำสุดในประวัติศาสตร์เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในวันพุธที่ผ่านมา อัตราแลกเปลี่ยนรูปีอินเดียใกล้แตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ สาเหตุหลักมาจากความแข็งแกร่งของดอลลาร์สหรัฐและการไหลออกอย่างต่อเนื่องของเงินทุนต่างชาติที่บั่นทอนเสถียรภาพของรูปี สกุลเงินนี้แสดงความอ่อนแอเป็นพิเศษหลังผลสำรวจความคิดเห็นแสดงให้เห็นว่าดอนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน นำหน้า กามาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะมาถึง
นักลงทุนกำลังจับตาดูเหตุการณ์สำคัญที่จะเกิดขึ้น รวมถึงการประชุมของ Federal Reserve ในวันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน ซึ่งอาจส่งผลต่อนโยบายการเงินและกระทบต่อประสิทธิภาพของสกุลเงินโดยอ้อม ผู้สร้าง meme coin ชื่อดัง (@Bit Giga) แสดงความเห็นว่า "ดอลลาร์กำลังทำได้ดี อัตราผลตอบแทนของสหรัฐกำลังเพิ่มขึ้น และฟิวเจอร์สหุ้นสหรัฐก็ปรับตัวสูงขึ้น นักเทรดกำลังวางตำแหน่งตัวเองเพื่อผลลัพธ์ในเชิงบวกจากผลการเลือกตั้งเบื้องต้น"
การอ่อนค่าล่าสุดนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการไหลออกอย่างมากจากหุ้นอินเดีย ซึ่งส่งผลให้เกิดแรงกดดันต่อเงินรูปีอินเดีย (INR) ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) ได้เข้ามาแทรกแซงเพื่อรักษาเสถียรภาพของสกุลเงินโดยการขายดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นมาตรการที่มุ่งจำกัดการลดค่าเงิน แม้จะมีการแทรกแซงนี้ แต่แนวโน้มของเงินรูปีอินเดียยังดูมืดมนในแสงของความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นของดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่ทรัมป์ยังคงได้รับแรงหนุนในการสำรวจความคิดเห็นเลือกตั้งประธานาธิบดี นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าชัยชนะที่อาจเกิดขึ้นของเขาอาจทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐสูงขึ้นไปอีก และทำให้การขายทิ้งเงินรูปีเด่นชัดยิ่งขึ้น ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอเฮดจ์ฟันด์ในสิงคโปร์อธิบายถึงความรู้สึกนี้ว่า "นักลงทุนเริ่มระมัดระวังมากขึ้น และเมื่อผลการเลือกตั้งเอียงไปทางทรัมป์ มันสะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกของตลาดและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ"
ตามข้อมูลจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดว่า GDP ของอินเดียจะแตะระดับ 4,340 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปีงบประมาณ 2025 ซึ่งก่อให้เกิดการคาดการณ์เกี่ยวกับความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจในอนาคต แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อมูลค่าสกุลเงินในทันที ทัศนียภาพทางเศรษฐกิจที่กว้างขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอัตราเงินเฟ้อของอินเดียและการพึ่งพาการนำเข้า—โดยเฉพาะน้ำมัน—ยังคงมีบทบาทสำคัญในการกำหนดมูลค่าตลาดของเงินรูปีอินเดีย
นอกจากนี้ ข้อมูลล่าสุดยังเน้นย้ำถึงความผันผวนในอัตราแลกเปลี่ยน USD/INR โดยอัตราที่ปรับตัวขึ้นไปที่ 85.5893 แสดงให้เห็นการลดลงเล็กน้อยในระยะเวลาหนึ่งวัน (-0.23%) แต่สะท้อนถึงการเพิ่มขึ้นในแนวโน้มระยะหนึ่งเดือน (+1.32%) และตั้งแต่ต้นปี (+2.93%) ในทางตรงกันข้ามอย่างชัดเจน แนวโน้มนี้ยังคงถูกควบคุมด้วยความผันผวนของปัจจัยทางเศรษฐกิจภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อการขาดดุลการค้าและดัชนีเงินเฟ้อ
อิทธิพลของราคาน้ำมันทำให้สถานการณ์ของเงินรูปีอินเดีย (INR) ซับซ้อนยิ่งขึ้น เนื่องจากอินเดียพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันเป็นอย่างมาก เมื่อราคาน้ำมันโลกสูงขึ้น ความต้องการเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) ก็เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดแรงกดดันต่อเงินรูปีมากขึ้น ดังนั้น เมื่อราคาน้ำมันสูงขึ้น ผู้นำเข้าชาวอินเดียจึงจำเป็นต้องขายเงินรูปีมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้ค่าเงินรูปีอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง
การวิเคราะห์ทางเทคนิคชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มขาขึ้นในระยะยาวสำหรับคู่เงิน USD/INR โดยแสดงให้เห็นว่าคู่เงินนี้ยังคงอยู่เหนือค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ที่สำคัญ และตัวชี้วัดทางเทคนิคแสดงแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจนขึ้น เรายังคงอยู่เหนือระดับแนวต้านที่สำคัญ การเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอาจผลักดันให้เกิน 84.25 ไปสู่ระดับจิตวิทยาที่สำคัญที่ 85" นักวิเคราะห์ตลาดกล่าว
สรุป
รูปีอินเดียยังคงถูกทดสอบอย่างมีนัยสำคัญท่ามกลางแรงกดดันจากภายนอก ในช่วงที่พลวัตเศรษฐกิจโลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วหลังจากข่าวที่ว่าดอนัลด์ ทรัมป์ นำในการเลือกตั้งประธานาธิบดี ความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นของดอลลาร์สหรัฐฯ ร่วมกับแนวโน้มการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่เด่นชัดในตลาด ยังคงกดดันมูลค่าของรูปีอินเดียอย่างหนัก การแสดงผลของสกุลเงินในอนาคตยังคงขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ รวมถึงผลลัพธ์สุดท้ายของการเลือกตั้งสหรัฐฯ และการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่จะมาถึง ในขณะที่ผู้สังเกตการณ์ระหว่างประเทศจับตาสภาวะเหล่านี้อย่างใกล้ชิด ทั้งนักเทรดและนักลงทุนควรระมัดระวังในภูมิทัศน์ตลาดเงินตราต่างประเทศที่กำลังเปลี่ยนแปลง