สรุปข่าว:การขยายตัวของสินเชื่อในจีนยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง โดยในเดือนมีนาคม 2567 สินเชื่อมีจำนวนต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ สะท้อนถึงความต้องการกู้ยืมที่อ่อนแอท่ามกลางนโยบายการเงินที่เข้มงวด
นำข่าว:การขยายตัวของสินเชื่อโดยรวมของจีนชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนมีนาคม 2567 โดยธนาคารออกเงินกู้ใหม่เพียง 3.1 ล้านล้านหยวน ซึ่งต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 3.6 ล้านล้านหยวนอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการกู้ยืมที่ยังคงอ่อนแอ ในขณะที่ธนาคารกลางยังคงยึดแนวนโยบายการเงินในปัจจุบัน
ในเดือนมีนาคม 2024 จีนรายงานว่าการขยายตัวของสินเชื่อโดยรวมชะลอตัวลงถึงระดับที่ช้าที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยการจัดหาเงินทุนรวมเพิ่มขึ้นเพียง 8.7% จากปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตต่ำที่สุดนับตั้งแต่เริ่มเก็บข้อมูลในปี 2017 สถาบันการเงินให้สินเชื่อใหม่จำนวน 3.1 ล้านล้านหยวน ซึ่งน้อยกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 3.6 ล้านล้านหยวนอย่างมาก และนับเป็นอัตราการเติบโตของสินเชื่อที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เริ่มบันทึกข้อมูลในปี 2003 ตามรายงานของบลูมเบิร์ก แนวโน้มนี้สะท้อนถึงความต้องการกู้ยืมที่ลดลงอย่างต่อเนื่องท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่เข้มงวดขึ้น
ธนาคารประชาชนจีน (PBOC) ยังคงไม่ผ่อนคลายนโยบายการเงิน ซึ่งส่งผลให้ความต้องการสินเชื่อลดลงอีก การชะลอตัวนี้สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนและตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการเติบโตของสินเชื่อที่อ่อนแอบ่งชี้ว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจกำลังหยุดชะงัก ตัวเลขการปล่อยกู้ที่ชะลอตัวอาจกระตุ้นให้นักลงทุนในตลาดเงินตราต่างประเทศทบทวนกลยุทธ์เกี่ยวกับเงินหยวนจีนอีกครั้ง
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าการชะลอตัวในปัจจุบันเกิดจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่ยังคงอยู่ รวมถึงความตึงเครียดทางการค้าที่ยังดำเนินอยู่และแรงกดดันจากภายนอก ตัวเลขการให้กู้ยืมใหม่ชี้ให้เห็นว่าหลายธุรกิจและผู้บริโภคยังคงลังเลที่จะกู้ยืม ซึ่งอาจทำให้ความท้าทายที่เศรษฐกิจจีนกำลังเผชิญอยู่รุนแรงขึ้น
การลดลงอย่างรุนแรงในการออกสินเชื่อบ่งชี้ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมของจีนอาจกำลังสูญเสียโมเมนตัม การวิเคราะห์อย่างลึกซึ้งเผยให้เห็นว่าความต้องการสินเชื่อจากภาคธุรกิจและครัวเรือนอ่อนแออย่างเห็นได้ชัด ซึ่งทำให้เกิดคำถามถึงความสามารถของทางการในการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจผ่านมาตรการนโยบายการเงินแบบดั้งเดิม
ปัจจัยหลายประการที่ส่งผลให้ความต้องการอ่อนแอลง:
ความตึงเครียดทางการค้า:ความขัดแย้งทางการค้าที่กำลังดำเนินอยู่กับสหรัฐอเมริกาได้ก่อให้เกิดความวุ่นวายในห่วงโซ่อุปทานและลดความมั่นใจในหมู่ธุรกิจ ทำให้พวกเขาลังเลที่จะก่อหนี้ใหม่
แรงกดดันในตลาดอสังหาริมทรัพย์:ภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของการเติบโตของสินเชื่อ กำลังอยู่ในช่วงตกต่ำ นโยบายที่มุ่งมั่นเพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาบ้านและเพิ่มความมั่นใจของผู้ซื้อบ้านยังไม่ให้ผลลัพธ์ที่สำคัญ
ความกังวลเกี่ยวกับการจ้างงาน:ข้อมูลล่าสุดจากตลาดงานบ่งชี้ถึงความยากลำบาก โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่เพิ่งสำเร็จการศึกษา ซึ่งส่งผลให้ความเชื่อมั่นและค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลง และกระทบต่อการกู้ยืมในที่สุด
สถานการณ์นี้เป็นที่น่ากังวลสำหรับผู้ค้าแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เนื่องจากบ่งบอกถึงความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นในค่าเงินหยวน ปฏิกิริยาของตลาดต่อตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจเชิงลบมักจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ต่อต้านค่าเงิน ดังนั้น นักลงทุนต้องระมัดระวังต่อการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินอย่างกะทันหันที่ธนาคารประชาชนจีนอาจนำมาใช้เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายที่กำลังดำเนินอยู่
แม้ว่าการเติบโตของสินเชื่อจะอ่อนแอลง แต่ก็มีแนวโน้มบางประการในภาคการเงินของจีนที่น่าสนใจ นักวิเคราะห์ระบุว่าการออกพันธบัตรรัฐบาลในเดือนก่อน ๆ มีความแข็งแกร่งค่อนข้างมากและช่วยรักษาสภาพคล่องในเศรษฐกิจ การจัดหาเงินทุนรวม ซึ่งรวมถึงสินเชื่อ ผลิตภัณฑ์พันธบัตร และเครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ มีรายงานการเพิ่มขึ้นที่สูงขึ้นในช่วงต้นปีเมื่อรัฐบาลเพิ่มการขายพันธบัตรเพื่อกระตุ้นการเติบโต
ในแถลงการณ์ที่เกี่ยวข้อง นักเศรษฐศาสตร์เสนอแนะว่าแม้พันธบัตรรัฐบาลจะมีบทบาทสำคัญในการระดมทรัพยากร แต่เพียงอย่างเดียวไม่สามารถชดเชยการปล่อยกู้ภาคเอกชนที่ซบเซาได้ พวกเขาเน้นย้ำถึงความสำคัญของการฟื้นฟูความเชื่อมั่นทางธุรกิจหากเศรษฐกิจจะมีการฟื้นตัวที่แท้จริง
ในอดีต ช่วงเวลาที่การเติบโตของสินเชื่ออ่อนแอมักจะตามมาด้วยการแทรกแซงจากธนาคารกลาง นักลงทุนให้ความสนใจเป็นพิเศษกับสัญญาณใดๆ จากธนาคารประชาชนจีน (PBOC) เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายในอนาคต เนื่องจากการเติบโตของสินเชื่อที่ต่ำอย่างต่อเนื่องอาจกระตุ้นให้เกิดการผ่อนคลายนโยบายการเงินอีกครั้งเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ เมื่อมองไปข้างหน้า รัฐบาลจีนได้กำหนดเป้าหมายการเติบโตที่ท้าทาย โดยมุ่งหวังให้เศรษฐกิจขยายตัวประมาณ 5% ในปีนี้ การบรรลุเป้าหมายนี้จะต้องอาศัยการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งของความเชื่อมั่นทั้งในกลุ่มผู้บริโภคและธุรกิจ ซึ่งจากข้อมูลการให้กู้ยืมในปัจจุบัน ยังไม่เห็นสัญญาณที่ชัดเจนในเรื่องนี้
การขยายตัวของสินเชื่อในจีนกำลังเผชิญกับความท้าทายอย่างมากในปัจจุบัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากตัวเลขการเติบโตของสินเชื่อในเดือนมีนาคม 2567 ที่น่าผิดหวัง ด้วยความต้องการกู้ยืมที่ยังคงอ่อนแอ นักลงทุนต่างประเทศควรให้ความสนใจกับผลกระทบที่การชะลอตัวนี้อาจมีต่อเศรษฐกิจจีนและเงินหยวน
การปฏิสัมพันธ์ระหว่างนโยบายของรัฐบาล แนวโน้มการค้าโลก และสุขภาพเศรษฐกิจภายในประเทศ จะยังคงกำหนดทิศทางของสินเชื่อในจีนต่อไป นักลงทุนต้องติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในนโยบายการเงินหรือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่อาจส่งผลต่อกลยุทธ์การซื้อขายสกุลเงินต่างประเทศในอนาคต
แหล่งที่มา: