นำในการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าของสหรัฐอเมริกาอย่างฉับพลัน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2025 ถึงการดำเนินกลยุทธ์ภาษีศุลกากรที่ครอบคลุม โดยกำหนดอัตราภาษีพื้นฐาน 10% สำหรับหลายประเทศ โดยเฉพาะการกำหนดอัตราภาษีสูงถึง 25% สำหรับสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก พร้อมทั้งเพิ่มอัตราภาษีสำหรับสินค้าจีนเป็น 125% ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกให้กับตลาดต่างประเทศและก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น
การประกาศล่าสุดจากประธานาธิบดีทรัมป์แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในยุทธศาสตร์การค้าของสหรัฐฯ ซึ่งมีผลกระทบอย่างลึกซึ้งไม่เพียงแต่ต่อธุรกิจและผู้บริโภคชาวอเมริกันเท่านั้น แต่ยังรวมถึงตลาดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศด้วย ภาษีนำเข้าที่ถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องเศรษฐกิจภายในประเทศและยกระดับการผลิตของอเมริกา อาจส่งผลกระทบในวงกว้างและกระตุ้นให้ประเทศที่ได้รับผลกระทบตอบโต้ ซึ่งจะส่งผลต่อค่าเงินและอัตราแลกเปลี่ยนทั่วโลก
โครงสร้างภาษีศุลกากรใหม่ที่นำมาใช้โดยรัฐบาลทรัมป์จะกำหนดอัตราขั้นต่ำที่ 10% สำหรับสินค้านำเข้าจากต่างประเทศส่วนใหญ่ ซึ่งอาจเพิ่มขึ้นเป็น 25% สำหรับบางประเทศ เช่น แคนาดาและเม็กซิโก การเคลื่อนไหวที่รุนแรงนี้ต่อยอดจากนโยบายภาษีที่มีผลกระทบสูงก่อนหน้านี้ที่ได้เปลี่ยนแปลงพลวัตการค้าระหว่างประเทศไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเป็นสัญญาณของการสานต่อสงครามการค้าที่เริ่มต้นขึ้นในปีก่อน ๆ ซึ่งนำไปสู่การตอบโต้ด้วยภาษีจากจีนที่ขึ้นภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ สูงถึง 84%
นักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์กำลังพิจารณาผลกระทบของการเคลื่อนไหวที่ซับซ้อนนี้ โดยเฉพาะผลเสียที่อาจเกิดขึ้นต่ออัตราเงินเฟ้อ การใช้จ่ายของผู้บริโภค และการเติบโตของ GDP ทั้งในสหรัฐอเมริกาและประเทศคู่ค้า คาดว่าภาษีศุลกากรจะสร้างภาระทางการเงินเพิ่มเติมให้กับครัวเรือนอเมริกัน โดยเฉพาะผู้ที่มีรายได้น้อย เนื่องจากราคาสินค้าอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวันที่เพิ่มสูงขึ้น
การตอบสนองของตลาดทันทีต่อการประกาศภาษีของทรัมป์นั้นมีความผสมผสานและสะท้อนถึงความไม่แน่นอนของนักลงทุนเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจในอนาคต หุ้นพุ่งสูงขึ้นในบางภาคส่วนหลังจากข่าวนี้ อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญยังคงเฝ้าระวัง โดยกังวลว่าภาษีเหล่านี้อาจทำให้ความผันผวนที่มีอยู่ในตลาดรุนแรงขึ้นและนำไปสู่ความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจในวงกว้าง
ฝ่ายบริหารของทรัมป์ได้โต้แย้งว่าอัตราภาษีศุลกากรไม่ใช่เพียงมาตรการลงโทษ แต่มีความสำคัญต่อการฟื้นฟูอธิปไตยทางเศรษฐกิจและต่อสู้กับแนวปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมซึ่งในอดีตได้สร้างความเสียเปรียบให้กับอุตสาหกรรมสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์ในอดีตเกี่ยวกับอัตราภาษีศุลกากรชี้ให้เห็นว่าการสูญเสียงานในภาคส่วนที่พึ่งพาการนำเข้าที่มีราคาไม่แพงอาจมีผลกระทบมากกว่าผลประโยชน์จากการผลิตภายในประเทศ ซึ่งทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ผลกระทบที่คาดการณ์ไว้ขยายไปสู่การเปลี่ยนแปลงพื้นฐานในตลาดอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากนักลงทุนปรับความคาดหวังใหม่ตามข้อมูลเศรษฐกิจที่ผันผวน การอ่อนค่าของสกุลเงินอย่างรวดเร็วจากประเทศที่ถูกกำหนดเป้าหมายโดยภาษีของสหรัฐฯ แสดงให้เห็นถึงการตอบสนองที่รวดเร็วในตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งเน้นย้ำถึงความเชื่อมโยงกันของการค้าโลก
สำหรับนักเทรดฟอเร็กซ์ นโยบายภาษีล่าสุดของทรัมป์นำมาซึ่งทั้งความเสี่ยงและโอกาส นักลงทุนควรพิจารณาประเด็นต่อไปนี้:
ความผันผวนที่เพิ่มขึ้น:ด้วยการเปลี่ยนแปลงนโยบายภาษีที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่ามูลค่าของสกุลเงินจะมีความผันผวนอย่างมาก นักลงทุนในตลาด Forex อาจจำเป็นต้องใช้กลยุทธ์ที่ใช้ประโยชน์จากความผันผวนนี้
ผลกระทบต่อดุลการค้า:ประเทศที่ได้รับผลกระทบจากภาษีอาจตอบโต้ บังคับให้ผู้ค้าต้องประเมินตำแหน่งในสกุลเงินที่เชื่อมโยงกับภาคการส่งออกที่กำลังเผชิญกับความกดดันเนื่องจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
แรงกดดันด้านเงินเฟ้อ:เศรษฐกิจของสหรัฐฯ อาจเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากภาษีนำเข้าที่สูงขึ้นทำให้ราคาสินค้านำเข้าสูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ และเปลี่ยนแปลงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย
นักลงทุนควรจับตาดูการตอบสนองของรัฐบาลด้วย เนื่องจากการปรับเปลี่ยนหรือการเจรจาเพิ่มเติมอาจปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์การแข่งขันในการค้าระหว่างประเทศและส่งผลต่อมูลค่าของสกุลเงิน
นโยบายภาษีศุลกากรของทรัมป์ยังคงส่งผลกระทบต่อเนื่อง โดยความไม่แน่นอนบดบังแนวโน้มทางเศรษฐกิจ การที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับความไม่สมดุลทางการค้าสะท้อนแนวทางชาตินิยมที่อาจปรับเปลี่ยนความสัมพันธ์กับคู่ค้าหลัก ขณะที่นักกฎหมายและภาคธุรกิจต่างเผชิญกับยุทธศาสตร์การค้าที่เปลี่ยนแปลง ภูมิทัศน์เศรษฐกิจโลกยังคงอยู่ในความไม่แน่นอน
ความไม่แน่นอนที่มีอยู่ในการกำหนดภาษีของสหรัฐฯ จะทำให้ผู้ค้าและธุรกิจต่างต้องตื่นตัวและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดอย่างรวดเร็ว สำหรับนักลงทุนในตลาด Forex แล้ว การติดตามขั้นตอนต่อไปของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยเฉพาะการเจรจาทางการค้า แนวโน้มเงินเฟ้อ และการเปลี่ยนแปลงนโยบายในวงกว้าง จะเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลกระทบอย่างมากต่ออัตราแลกเปลี่ยนและกลยุทธ์การลงทุนในอนาคตอันใกล้
สำหรับการวิเคราะห์อย่างต่อเนื่องว่าการพัฒนาต่าง ๆ เหล่านี้ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินอย่างไร ผู้อ่านควรติดตามแหล่งข่าวการเงินที่น่าเชื่อถืออย่างสม่ำเสมอ
แหล่งที่มา: