นำ
ฟรังก์สวิสยังคงมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง โดยสูญเสียมูลค่ากว่า 0.5% เมื่อเทียบกับยูโร หลังจากข้อมูลเงินเฟ้อเดือนมีนาคมแสดงให้เห็นถึงภาวะชะงักงัน และอัตราเงินเฟ้อรายปีที่ต่ำเพียง 1.0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนกันยายน 2021 ส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ที่ธนาคารแห่งชาติสวิส (SNB) จะผ่อนคลายนโยบายการเงิน
ฟรังก์สวิส (CHF) มีค่าลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงเก้าสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยล่าสุดลดลงมากกว่า 6% เมื่อเทียบกับยูโร (EUR) ส่งผลให้อัตราแลกเปลี่ยน EUR/CHF สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2023 การลดลงนี้ส่วนใหญ่เกิดจากตัวเลขเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งสร้างความเสี่ยงต่อการปรับนโยบายการเงินในอนาคตจากธนาคารแห่งชาติสวิส
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสวิตเซอร์แลนด์แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเดือนมีนาคม โดยอัตราเงินเฟ้อรายปีชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญเหลือ 1.0% ตามข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติสวิส ริชาร์ด ฟิตช์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ MarketPulse กล่าวว่า "ความซบเซาของอัตราเงินเฟ้อเป็นความท้าทายที่สำคัญสำหรับเศรษฐกิจสวิส\" \"มันสะท้อนถึงการตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารชาติสวิส (SNB) เมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งเป็นสัญญาณของชัยชนะต่อเงินเฟ้อ แต่ก็ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับแนวโน้มการเติบโตด้วย"
การวิเคราะห์เพิ่มเติมชี้ให้เห็นว่าการอ่อนค่าของฟรังก์สวิส (CHF) อาจส่งผลให้ระดับราภายในประเทศสูงขึ้น ซึ่งอาจขัดขวางความตั้งใจของธนาคารแห่งชาติสวิส (SNB) ที่จะรักษาอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับต่ำ ในขณะที่การแข็งค่าของยูโร (EUR) เมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสมีแนวโน้มจะกลับตัว การคาดการณ์ชี้ว่ายูโรอาจยังคงเดินหน้าขึ้นต่อไป สร้างความท้าทายให้กับแนวทางที่ผ่อนคลายมากขึ้นของ SNB
ธนาคารแห่งชาติสวิส (SNB) ได้ยอมรับอย่างไม่เป็นทางการแล้วว่าบรรลุเป้าหมายด้านเงินเฟ้อ โดยลดอัตราดอกเบี้ยอย่างไม่คาดคิดเมื่อเดือนที่แล้ว ข้อมูลเงินเฟ้อล่าสุดตอกย้ำความคาดหวังว่าการผ่อนคลายนโยบายการเงินจะเพิ่มขึ้นอีก แนวโน้มการลดลงของฟรังก์สวิส (CHF) นี้ อาจนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อภายในประเทศ ซึ่งหากยังคงอยู่ อาจบังคับให้ SNB ต้องทบทวนนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายของตนอีกครั้ง
“การลดลงอย่างต่อเนื่องของฟรังก์สวิส (CHF) เป็นสัญญาณเตือนสำหรับธนาคารแห่งชาติสวิส (SNB)” ดร. เอลเลน ฮาร์ทมันน์ นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังจาก Swiss Economic Review กล่าว “หากแนวโน้มการลดค่าของฟรังก์ยังคงดำเนินต่อไปเมื่อเทียบกับทั้งยูโรและดอลลาร์สหรัฐ เราอาจเห็นนโยบายช่วงปลายปี 2023 เริ่มคลี่คลาย” สาเหตุพื้นฐานอยู่ที่ความสามารถของ SNB ในการเข้าแทรกแซงตลาดอัตราแลกเปลี่ยน การปรับนโยบายภายในอยู่ในขอบเขตความสามารถของธนาคาร
ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ชี้ให้เห็นว่าสวิตเซอร์แลนด์รักษาสภาพแวดล้อมเงินเฟ้อที่ค่อนข้างต่ำในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หลังจากที่อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและสูงถึง 2.84% ในปี 2022 ตัวเลขดังกล่าวก็ลดลงอย่างมาก อัตราเงินเฟ้อลดลงเหลือ 1.2% ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ซึ่งแสดงให้เห็นแนวโน้มการผ่อนคลายอย่างต่อเนื่อง
นักวิเคราะห์คาดว่าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยต่อปีจะยังคงอยู่ในระดับต่ำในระยะใกล้ อาจแตะที่ประมาณ 1.20% ในปี 2025 การลดลงอย่างต่อเนื่องทำให้นักเศรษฐศาสตร์สงสัยว่าความกดดันจากแนวโน้มการแลกเปลี่ยนในทางลบอาจนำไปสู่การไหลเข้าของเงินเฟ้อ ซึ่งอาจทำให้ SNB ลังเลที่จะดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป
ความอ่อนไหวของเศรษฐกิจสวิสต่อแรงกดดันจากภายนอก ซึ่งเพิ่มขึ้นจากการพึ่งพาการส่งออก หมายความว่าสภาพแวดล้อมเงินเฟ้อที่สงบสุขอาจตกอยู่ในความเสี่ยง ความเชื่อยังคงมีอยู่ว่าหากแรงกดดันเงินเฟ้อเร่งตัวในภูมิภาคใกล้เคียง ฟรังก์สวิส (CHF) อาจเผชิญกับความท้าทายเพิ่มเติมในอนาคต
โดยสรุป แนวโน้มที่ลดลงของฟรังก์สวิสเมื่อเทียบกับสัญญาณเงินเฟ้อที่อ่อนแอลง อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการอภิปรายเกี่ยวกับกรอบนโยบายการเงินของธนาคารแห่งชาติสวิส (SNB) แม้ว่าศักยภาพในการลดอัตราดอกเบี้ยอาจบรรเทาความกดดันในตลาดบางส่วนได้ แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่การอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องของ CHF อาจทำให้ต้องมีการทบทวนท่าทีของธนาคารกลางอีกครั้ง การพัฒนาต่อไปในตลาดฟอเร็กซ์ ร่วมกับแนวโน้มเงินเฟ้อ จะมีส่วนสำคัญในการกำหนดแนวทางปฏิบัติในอนาคตของ SNB
สถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นนี้เป็นข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญสำหรับนักลงทุนในตลาดฟอเร็กซ์ ซึ่งต้องระมัดระวังขณะที่พวกเขาต้องเผชิญกับความซับซ้อนของเศรษฐกิจโลกและการผันผวนของค่าเงิน การติดตามทั้งข้อมูลภายในประเทศและการเคลื่อนไหวของค่าเงินระหว่างประเทศจะเป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจลงทุนอย่างมีข้อมูลในสภาพตลาดสวิสที่เต็มไปด้วยความผันผวน
หมายเหตุ: โปรดทราบว่าการตอบสนองนี้มีโครงสร้างตามองค์ประกอบเบื้องต้นที่ให้มาและกำหนดเป้าหมายสำหรับนักลงทุนในตลาดฟอเร็กซ์ โดยขยายความเกี่ยวกับผลกระทบของแนวโน้มเงินเฟ้อล่าสุด พร้อมทั้งพูดถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสกุลเงินฟรังก์สวิส (CHF) และนโยบายการเงินโดยรวม