สรุป:ตลาดเอเชียส่วนใหญ่ซื้อขายลดลงในวันศุกร์ หลังจากได้รับสัญญาณเชิงลบจากวอลล์สตรีท และความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีน
นำตลาดหุ้นในเอเชีย รวมถึงออสเตรเลียและญี่ปุ่น ลดลงในวันศุกร์ หลังจากที่ตลาดวอลล์สตรีทตกหนัก เนื่องจากความกังวลที่กลับมาอีกครั้งเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว ขณะที่ผู้ค้ารอฟังคำปราศรัยของเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่งานสัมมนาแจ็กสันโฮล เพื่อหาคำแนะนำเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย
เนื้อหาหลัก:
ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตัวลงในวันศุกร์ เนื่องจากนักลงทุนตอบสนองต่อการตกต่ำอย่างรุนแรงของหุ้นสหรัฐฯ ในช่วงกลางคืนที่ผ่านมา ความรู้สึกเชิงลบนี้ถูกขับเคลื่อนหลักจากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนที่กำลังสะดุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังดิ้นรน ดัชนีมาตรฐาน S&P/ASX 200 ของออสเตรเลียลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 7,118.70 จุด สูญเสียไปประมาณ 0.88% ภาคส่วนสำคัญ เช่น เทคโนโลยีและการเงิน นำการลดลง สะท้อนให้เห็นแนวโน้มที่แพร่หลายในตลาดเอเชีย
ผลการดำเนินงานทางเศรษฐกิจของจีนได้แย่ลง ซึ่งส่งสัญญาณเตือนไปทั่วโลก ข้อมูลเดือนกรกฎาคมแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจของจีนขยายตัวเพียง 0.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ส่วนใหญ่เป็นผลจากการส่งออกที่ลดลงและการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ซบเซา เป็นที่น่าสังเกตว่าภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนเผชิญกับความท้าทายอย่างมาก โดยบริษัทใหญ่ๆ เช่น Country Garden ไม่สามารถชำระเงินได้ และ Evergrande ยังคงอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้ ผู้กำหนดนโยบายตอนนี้ระมัดระวังมากกว่าที่เคย ขณะที่นักเทรดคาดการณ์เกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น
ในออสเตรเลีย ภาคส่วนหลักทั้งหมดได้รับผลกระทบ โดย BHP Group ลดลง 1.5% ในขณะที่บริษัทเหมืองแร่อื่นๆ เช่น Rio Tinto และ Fortescue Metals ก็แสดงให้เห็นการลดลงใกล้เคียง 2% นอกจากนี้ หุ้นทางการเงินยังอยู่ภายใต้ความกดดัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความไม่แน่นอนที่ส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อตลาดออสเตรเลีย
ตลาดญี่ปุ่นเผชิญกับความท้าทายเพิ่มเติม โดยดัชนี Nikkei 225 ซึ่งเป็นดัชนีมาตรฐาน ลดลง 1.92% ปิดที่ 31,666.36 จุด ผลการดำเนินงานที่ติดลบนี้เกิดขึ้นในขณะที่ข้อมูลเปิดเผยว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของโตเกียวยังคงสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นเป็นเดือนที่ 15 ติดต่อกัน ซึ่งบ่งชี้ถึงแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ยังคงมีอยู่แม้ในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
หุ้นเทคโนโลยีสำคัญ เช่น SoftBank Group ลดลงมากกว่า 3% ในขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่เช่น Honda และ Toyota มีการลดลงเล็กน้อย ส่วนภาคการธนาคารมีผลประกอบการผสม บางสถาบันลดลงเล็กน้อย ขณะที่ Mizuho Financial มีกำไรเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
แนวโน้มเศรษฐกิจของภูมิภาคยังคงซบเซา เนื่องจากตลาดต่างๆ ในเอเชีย รวมถึงไต้หวัน เกาหลีใต้ และมาเลเซีย มีการขาดทุนระหว่าง 0.1% ถึง 1.3% ดอลลาร์ออสเตรเลียซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 0.642 ดอลลาร์ สะท้อนถึงท่าทีที่ระมัดระวังของนักลงทุนท่ามกลางความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นในจีน
บนวอลล์สตรีท ดัชนีหลักก็ประสบกับภาวะตกต่ำอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน ดัชนีแนสแด็กคอมโพสิตลดลง 1.9% นำการตกต่ำของตลาดด้วยการสูญเสีย 257.06 จุด ในขณะที่เอสแอนด์พี 500 สูญเสีย 59.70 จุด และดัชนีดาวโจนส์อินดัสเทรียลเอเวอเรจลดลง 373.56 จุด ผู้ค้ามองว่าคำพูดของพาวเวลล์เกี่ยวกับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการปรับอัตราดอกเบี้ยที่อาจเกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อตลาดอย่างไรเป็นพิเศษ
ขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจของจีนส่งผลกระทบไปทั่วตลาดเอเชีย นักวิเคราะห์หลายคนเตือนว่าการชะลอตัวที่ยืดเยื้ออาจนำไปสู่การหยุดชะงักในวงกว้างของการค้าโลกและส่งผลกระทบต่อการคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจอื่น ๆ แม้ท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ ตลาดเกิดใหม่อย่างอินเดียอาจพบโอกาสเมื่อนักลงทุนเปลี่ยนโฟกัสจากจีน
สรุป:
การรวมตัวกันของตลาดหุ้นที่ลดลงในเอเชียและความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงทางเศรษฐกิจของจีน สร้างภาพที่เปราะบางต่อพลวัตการค้าโลก นักวิเคราะห์เน้นย้ำว่า หากไม่มีการแทรกแซงที่เป็นรูปธรรมหรือการเปลี่ยนแปลงนโยบายในจีน โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์และภาคการบริโภค การเติบโตอย่างยั่งยืนทั่วเอเชียและที่อื่นๆ อาจยังคงเผชิญกับความท้าทาย ในขณะที่นักลงทุนรอความชัดเจนเพิ่มเติมจากการตัดสินใจนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ผลกระทบที่กว้างไกลของภาวะถดถอยของจีนมีแนวโน้มที่จะยังคงส่งอิทธิพลต่อแนวโน้มตลาดและความรู้สึกของนักลงทุนต่อไป
[ที่มา: นโยบายต่างประเทศ]https://foreignpolicy.com/2024/12/27/china-economy-slowdown-policy-property-crisis