สรุปข่าวหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในวันอังคาร เนื่องจากความตึงเครียดที่ลดลงจากการเจรจาภาษีระหว่างสหรัฐและจีนช่วยปรับปรุงอารมณ์ตลาดท่ามกลางความกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ยังคงมีอยู่
นำเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2022 หุ้นสหรัฐฯ มีการปรับตัวขึ้นเล็กน้อย จากการรายงานว่ามีการเจรจาต่อเนื่องเพื่อบรรเทาภาษีที่กำหนดกับจีน ขณะที่นักลงทุนยังคงกังวลกับความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ และอัตราเงินเฟ้อที่สูง
พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ มีการปรับตัวขึ้น หลังการหารือระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และจีนชี้ให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในการลดภาษีบางส่วนที่กำหนดโดยรัฐบาลชุดก่อน ดัชนี S&P 500 บันทึกการเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 0.2% ภายในเวลา 16.00 น. ตามเวลานิวยอร์ก แม้ก่อนหน้านี้จะลดลงมากถึง 2.2% ในขณะที่ดัชนี NASDAQ 100 ที่เน้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น 1.7% ที่น่าสนใจคือ นักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อที่ยังคงมีอยู่ ซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นท่ามกลางการถกเถียงเรื่องภาษีนำเข้า
จอห์น สตอลซ์ฟัส หัวหน้าคณะนักยุทธศาสตร์การลงทุนที่ Oppenheimer & Co. กล่าวว่า "เมื่อครึ่งปีแรกผ่านพ้นไป นักลงทุนไม่อาจหยุดสงสัยได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปในปีที่จนถึงตอนนี้ได้สร้างความไม่แน่นอน ความวุ่นวาย และความผิดปกติในระดับสูง ซึ่งส่งผลกระทบต่อมูลค่าชั้นทรัพย์สินทั่วทุกประเภท ทั้งดี เลวร้าย และน่ากลัว" ข้อมูลเชิงลึกของสตอลซ์ฟัสสะท้อนถึงความหวังระมัดระวังที่ยังคงอยู่ในตลาด
แม้ว่าการหารือเกี่ยวกับการลดภาษีจะเป็นสัญญาณของความก้าวหน้าในการบรรเทาความตึงเครียดทางการค้า แต่ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อก็บดบังความมั่นใจของนักลงทุน บลูมเบิร์ก อีโคโนมิกส์ ระบุว่ามีความเป็นไปได้ 38% ที่สหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยภายในปีหน้า
ข้อมูลทางเศรษฐกิจล่าสุดมีบทบาทสำคัญในการกำหนดความรู้สึกของนักลงทุน คำสั่งซื้อสินค้าคงทนและคำสั่งซื้อจากโรงงานเกินความคาดหมายในเดือนพฤษภาคม แต่ความกังวลยังคงมีอยู่เกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโดยรวม ตามที่ Kenneth Polcari นักยุทธศาสตร์ตลาดอาวุโสของ Slatestone Wealth LLC กล่าวว่า "หากเฟดเปลี่ยนทิศทางตอนนี้ พวกเขาอาจจะเก็บกระเป๋าและปิดไฟได้เลย ใช่ เศรษฐกิจกำลังชะลอตัว แต่ปัญหาอัตราเงินเฟ้อยังคงเป็นประเด็น และนั่นคือจุดสนใจในตอนนี้"
ในขณะที่ Federal Reserve กำลังพิจารณาการเปลี่ยนแปลงนโยบายเพื่อตอบสนองต่อสัญญาณทางเศรษฐกิจ นักวิเคราะห์ตลาดกำลังจับตาดูผลกระทบต่ออัตราดอกเบี้ยอย่างใกล้ชิด การคาดการณ์ชี้ให้เห็นว่าอาจมีการลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้ ซึ่งจะกระตุ้นให้ผู้ค้าพันธบัตรทบทวนตำแหน่งของพวกเขาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่าสองปี สร้างแรงกดดันเพิ่มเติมให้กับตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ราคาน้ำมันลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียทรุดลง 8.1% มาอยู่ที่ 99.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ รวมถึงทองคำและทองแดงก็มีแนวโน้มลดลงเช่นกัน ซึ่งยิ่งเพิ่มแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ตาม Bitcoin แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นท่ามกลางความผันผวนของตลาด โดยซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 20,000 ดอลลาร์ สะท้อนถึงความผันผวนในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจในวงกว้าง Jeffrey Halley นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโส APAC จาก OANDA ระบุถึงพลวัตของตลาดที่ยังคงดำเนินต่อไป และชี้ให้เห็นถึงศักยภาพของกลยุทธ์การลงทุนในอนาคตท่ามกลางความไม่แน่นอนที่ยังคงมีอยู่
ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนยังคงเป็นจุดสนใจ ขณะที่ทั้งสองประเทศกำลังเจรจาในเรื่องสำคัญ แม้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยืนยันว่าการลดภาษีอาจช่วยลดราคาสินค้าบริโภค แต่ก็มีความเคลือบแคลงว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยบรรเทาปัญหาอัตราเงินเฟ้อได้มากน้อยเพียงใด นักวิเคราะห์กำลังประเมินอย่างรอบคอบว่าการเจรจาเหล่านี้อาจส่งผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคและสภาพเศรษฐกิจโดยรวมอย่างไร
ยุโรปก็กำลังรู้สึกถึงความกดดันเช่นกัน โดยหุ้นล่าสุดตกลงมาอยู่ในระดับที่ไม่เคยเห็นตั้งแต่เดือนมกราคม 2564 ในขณะที่นักลงทุนรอคอยช่วงฤดูประกาศผลประกอบการที่จะมาถึง สภาพแวดล้อมเช่นนี้ได้ก่อให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความยั่งยืนของผลกำไรของบริษัท ภายใต้ภาวะเงินเฟ้อที่แพร่หลายและข้อจำกัดด้านอุปทานที่อาจเกิดขึ้น
ในออสเตรเลีย ธนาคารกลางก็สร้างข่าวด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลักเป็น 1.35% สะท้อนแนวโน้มทั่วโลกที่ธนาคารกลางต่างต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นผ่านมาตรการคล้ายคลึงกัน
การเพิ่มขึ้นเล็กน้อยของตลาดหุ้นสะท้อนถึงความสมดุลที่เปราะบางที่นักลงทุนพยายามรักษาไว้ท่ามกลางการเจรจาเพื่อลดภาษีระหว่างสหรัฐฯ และจีน ความกังวลต่อเนื่องเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยและเงินเฟ้อยังคงจำกัดความกระตือรือร้นของนักลงทุน เมื่อตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจยังคงเปลี่ยนแปลง สัปดาห์ต่อจากนี้จะเป็นช่วงเวลาสำคัญ โดยคาดว่าการเปิดเผยข้อมูลสำคัญและการกล่าวสุนทรพจน์ตามกำหนดการของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ Federal Reserve จะส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของตลาด
การรับประกันว่าจะมีทางออกในที่สุดสำหรับความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีนอาจให้ความโล่งใจชั่วคราว แต่เส้นทางข้างหน้ายังคงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน และผู้เข้าร่วมตลาดจะต้องระมัดระวังในขณะที่สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจทั้งในระดับชาติและระดับโลกมีการเปลี่ยนแปลง
แหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง: