นำหยวนจีนตกต่ำถึงระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วิกฤตการเงินปี 2551 ปิดที่ 7.2244 ต่อดอลลาร์สหรัฐในวันพุธ เนื่องมาจากคำพูดที่น่ากังวลของเจ้าหน้าที่เฟดสหรัฐและความกังวลที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีน
เนื้อหาหลัก:
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา หยวนจีนร่วงลง 0.7% สู่ระดับที่น่ากังวลที่ 7.2244 ต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นการลดค่าที่รุนแรงที่สุดตั้งแต่ปลายปี 2007 สร้างความตื่นตระหนกให้กับนักลงทุนและเป็นสัญญาณของภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ในจีน การลดค่าอย่างรวดเร็วครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่มูลค่าหยวนลดลงมากกว่า 13% ในปีนี้เพียงปีเดียว ซึ่งเกิดจากปัจจัยร่วมกันของเศรษฐกิจจีนที่ซบเซาและท่าทีแข็งกร้าวจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
เงินหยวนเผชิญกับแรงกดดันที่ไม่เคยมีมาก่อน จนทำให้มูลค่าลดลงถึงระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในการซื้อขายนอกประเทศในช่วงเช้า ปัจจัยต่าง ๆ เช่น ช่องว่างของอัตราดอกเบี้ยที่ขยายกว้างขึ้นระหว่างสหรัฐฯ และจีน ได้ทำให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงอย่างรุนแรง โดยธนาคารประชาชนจีน (PBOC) เป็นหนึ่งในไม่กี่ธนาคารกลางใหญ่ที่ลดอัตราดอกเบี้ย ในขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เพิ่มอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงเพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งสูง ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาเซนต์หลุยส์ เจมส์ บูลลาร์ด ระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับ "ปัญหาภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรง" ซึ่งบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ที่มาตรการทางการเงินจะเข้มงวดขึ้นอีกในอนาคต
เศรษฐกิจของจีนเติบโตเพียงเล็กน้อยในไตรมาสที่สอง ทำให้เกิดความกังวลว่าอาจตกต่ำลงจนถึงขั้นหดตัวในช่วงเดือนต่อๆ ไป ธนาคารกลางจีนได้นำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายอย่างมาใช้ในช่วงต้นปีนี้ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง แต่มาตรการเหล่านี้กลับส่งผลให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงโดยไม่ตั้งใจ
เจ้าหน้าที่ของ Federal Reserve รวมถึง Neel Kashkari ประธานธนาคารกลาง Minneapolis ได้ส่งสัญญาณว่าอาจมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม ส่งผลให้ความผันผวนในตลาดสกุลเงินทั่วโลกเพิ่มขึ้น ในบริบทนี้ ดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 20 ปี ทำให้สถานะของหยวนอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ
เมื่อหยวนตกต่ำถึงระดับดังกล่าว นักวิเคราะห์ได้กล่าวถึงความท้าทายและความไม่แน่นอนที่เศรษฐกิจจีนกำลังเผชิญ หลายบริษัทแสดงความกังวล ตามที่หลิว ไคหมิง หัวหน้าฝ่ายสังเกตการณ์ของสถาบัน Contemporary Observation Institute กล่าว การอ่อนค่าของหยวนอาจส่งผลดีต่อการส่งออก แต่ทำให้ความซับซ้อนของต้นทุนการนำเข้าวัตถุดิบเพิ่มขึ้น
การอ่อนค่าของเงินหยวนทำให้วิกฤตหลายด้านของเศรษฐกิจจีนสมบูรณ์ขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ก็กำลังเผชิญกับภาคอสังหาริมทรัพย์ที่อ่อนแอ ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น และความต้องการส่งออกที่ลดลง การดำเนินนโยบายแข็งกร้าวล่าสุดจากเฟดได้เพิ่มแรงกดดันในการขายเงินหยวนมากขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมองหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัยกว่าในที่อื่น
ข้อมูลทางเศรษฐกิจชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตของจีนที่ลดลง โดยการส่งออกในเดือนกรกฎาคมลดลงมากที่สุด สะท้อนภาพรวมที่มืดมนในอนาคต ทิศทางของเงินหยวนไม่เพียงสะท้อนถึงวิกฤตค่าเงินเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความกังวลที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับสุขภาพทางเศรษฐกิจของจีน ในขณะที่ประเทศกำลังมุ่งสู่การเติบโตในสภาพแวดล้อมโลกที่ท้าทาย
มาตรการตอบสนองของธนาคารประชาชนจีน (PBOC) เพื่อรับมือกับแรงกดดันเหล่านี้ รวมถึงการปรับเปลี่ยนข้อกำหนดเกี่ยวกับทุนสำรองเงินตราต่างประเทศสำหรับธนาคาร และการเข้าแทรกแซงตลาดอัตราแลกเปลี่ยนอย่างแข็งขัน อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต่างชาติเริ่มมีความเคลือบแคลงใจมากขึ้น ส่งผลให้เกิดการไหลออกของเงินทุนอย่างเห็นได้ชัด และสร้างความไม่แน่นอนต่ออนาคตของหยวนในระยะสั้น
แนวโน้มการอ่อนค่าของหยวนได้ก่อให้เกิดคำถามเกี่ยวกับกลยุทธ์ระยะยาวในการจัดการความมั่นคงของสกุลเงิน ในขณะที่จีนพยายามสร้างสมดุลระหว่างการกระตุ้นเศรษฐกิจและการยับยั้งการอ่อนค่าของสกุลเงินที่มากเกินไป ความเต็มใจของธนาคารกลางจีน (PBOC) ที่จะเข้าแทรกแซงยังคงถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดโดยผู้เข้าร่วมตลาด
ผลกระทบที่กว้างขึ้นของการอ่อนค่าของหยวนนั้นขยายไปไกลกว่าพรมแดนของจีน ในฐานะผู้บริโภครายใหญ่ที่สุดของโลก การอ่อนค่าลงอีกของสกุลเงินนี้มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์และบริการในตลาดต่างประเทศ ซึ่งสะท้อนถึงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจโลก
สรุป:
โดยสรุป การที่เงินหยวนของจีนลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับแต่เกิดวิกฤตการเงินในปี 2008 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับจีน ซึ่งส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งทั้งภายในและต่างประเทศ ในอนาคต การที่ธนาคารกลางจีน (PBOC) จะบริหารจัดการสกุลเงินท่ามกลางแรงกดดันจากภายนอกและความท้าทายทางเศรษฐกิจภายในประเทศ จะเป็นปัจจัยชี้ขาดความมั่นคงของเงินหยวน ขณะที่เจ้าหน้าที่พยายามรักษาความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจจีน วงการการเงินโลกยังคงจับตาอย่างใกล้ชิดถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการตัดสินใจด้านการเงินของจีน
แหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง: